ความต้านทาน
นักฟิสิกส์ชาวเยอรมัน George Simon Ohm ได้ตั้งกฎของโอห์มขึ้นมา โดยมีใจความว่า “ ในโลหะตัวนำที่มีอุณหภูมิคงที่อัตราส่วนของความต่างศักย์ไฟฟ้าระหว่าง 2 จุดใดๆ ในตัวนำต่อกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านนั้นมีค่าคงที่ “นั่นคือ V / I = ค่าคงที่ ซึ่งแทนด้วยตัว R จะได้ว่า V / I = R หรือ
ความต้านทานไฟฟ้ามีหน่วยเป็นโอห์ม
หากมี V ต้องมี I
V มาก ก็ I มาก
V น้อย ก็ I น้อย
I วิ่งศักย์สูงไปศักย์ต่ำ ( + ศักย์สูง , - ศักย์ต่ำ )
R มาก นำไฟฟ้าน้อย
R น้อย นำไฟฟ้าได้ดี
( ให้เราสมมติว่า แหล่งกำเนิดไฟ อาจจะเป็นถ่านไฟฉาย เปรียบเสมือนหัวใจ และสายไฟก็เปรียบเสมือนเส้นเลือด ความต้านทานเปรียบเสมือนไขมันในเส้นเลือด ถ้าหัวใจปล่อยเลือดมาเยอะ แต่ไขมันในเส้นเลือดสูงก็ทำให้เลือดไหลได้ไม่ค่อยดี แต่ถ้าไขมันในเส้นเลือดมีน้อย เลือดก็จะไหลได้แบบสบาย )
ความต้านทานขึ้นอยู่กับรูปร่างของวัตถุที่กระแสไหลผ่าน รวมไปถึงชนิดของวัตถุด้วย ลองนึกภาพดู ถ้ามีวัตถุ 2 ชิ้นที่เป็นสารชนิดเดียวกัน พื้นที่หน้าตัด ( A ) เท่ากัน แต่ความยาว ( l ) ต่างกัน เส้นที่ยาวกว่าจะเดินทางได้ลำบากกว่าเส้นสั้น เนื่องจากยิ่งยาวอิเล็กตรอนก็โดนขวางมากขึ้น สรุปคือ ยิ่งยาวความต้านทานก็ยิ่งมาก ความยาวกับความต้านทานมันผันตงกัน ลองนึกภาพดูใหม่ ถ้ามีความยาวเท่ากัน ( l ) พื้นที่หน้าตัด ( A ) ต่างกัน เส้นที่หน้าตัดกว้างกว่ามากกว่ามันก็มีช่องทางทำให้อิเล็กตรอนวิ่งได้เยอะกว่าเส้นเล็ก ซึ่งพื้นที่หน้าตัดน้อยช่องทางมันคับแคบกว่า สรุปคือ ยิ่งพื้นที่หน้าตัดมากประจุยิ่งเคลื่อนที่ได้ง่าย ความต้านทานก็น้อย แต่ถ้าพื้นที่หน้าตัดยิ่งน้อย ประจุยิ่งเคลื่อนที่ลำบาก ความต้านทานก็มากตาม ความต้านทานกับพื้นที่หน้าตัดมันแปรผกผันกัน
ดังนั้น จึงสรุปได้สูตรออกมาว่า
l : ความยาว
A : พื้นที่หน้าตัด
ค่าคงที่นี้เค้าเรียกว่าสภาพต้านทาน ซึ่งมีหน่วยเป็นโอห์มเมตร เป็นค่าที่บ่งบอกว่าสารชนิดนั้นต้านทานหรือนำไฟฟ้าได้ดีแค่ไหน สารที่เป็รตัวนำ ก็จะมีค่าสภาพต้านทานน้อยมาก ส่วนฉนวน ก็จะมีสภาพต้านทานมากๆ ถึงแม้จะเป็นตัวนำเหมือนกัน แต่ถ้าเป็นสารคนละชนิดกัน เช่น ทองแดง กับ เงิน มันก็มีโครงสร้างภายในไม่เหมือนกัน จึงนำไฟฟ้าได้ดีมากน้ยต่างกัน ค่าสภาพความต้านทานจึงมีค่าต่างกัน
ระวัง!! สภาพต้านทานเป็นค่าที่ขึ้นอยู่กับชนิดของสาร เป็นคุณสมบัติของสารชนิดนั้นๆ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับรูปร่าง ความยาว พื้นที่หย้าตัดของวัตถุ แต่ถ้าเป็น"ความต้านทาน" อันนี้จะขึ้นอยู่กับชนิดของสาร ความยาว และพื้นที่หน้าตัด ของวัตถุชิ้นนั้นๆ
ความต่างศักย์ไฟฟ้า
ความต่างศักย์ (Potential difference) คือ ปริมาณในฟิสิกส์ที่เกี่ยวข้องกับปริมาณพลังงานในการย้าย
วัตถุจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุด โดยต้านแรงที่มากระทำ คำนี้มักใช้เป็นคำย่อของคำว่า ความต่างศักย์ไฟฟ้า
วัตถุจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุด โดยต้านแรงที่มากระทำ คำนี้มักใช้เป็นคำย่อของคำว่า ความต่างศักย์ไฟฟ้า



